ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing หรื อQE) ด้วยจำนวนเงินเท่าเดิมที่ 85 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน อย่างน้อยต่อไปอีกหนึ่งเดือน เนื่องจากภาพรวมทางเศรษฐกิจยังไม่ดีพอที่จะหยุด QE นักลงทุนทั่วโลกต่างเฝ้ารอการแถลงการณ์ของเบน เบอร์นานเก้ ประธานเฟด ที่มีขึ้นวันนี้ เมื่อเวลา 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งในการแถลงการณ์ เฟดระบุว่า ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐจะมีการกระเตื้องขึ้น เฟดยังต้องการที่จะรอดูหลักฐานมากกว่านี้ว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแก่รงขึ้นจนเพียงพอที่จะตัดสินใจปรับมาตรการ QE การแถลงการณ์ของเฟดถือว่าผิดคาด เนื่องจากนักลงทุนต่างคิดว่า ในเดือนกันยายนนี้ เฟดจะเริ่มลดปริมาณ QE ลงอย่างน้อยประมาณ 10-15 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น แต่หลังจากเฟดประกาศคงมาตรการ QE ตลาดหุ้นก็พุ่งกระฉูด โดยดาวน์โจนส์ปิดที่ 15676.94+147.21 (0.95%) และเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1725.52+20.76 (1.22%) ถือว่าเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ ส่วนแนสแดก ปิดที่ 3783.64+37.94 (1.01%) อย่างไรก็ตาม ในเดือนหน้า สิ่งที่น่าหนักใจก็คือ วิกฤติเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติร่างกฎหมายการระดมทุนระยะสั้นที่ประธานาธิบดีโอบามาสนับสนุน หน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาลกลางอาจถูกปิดลงอย่างไม่มีกำหนด และถ้าคองเกรสไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ สหรัฐอเมริกาอาจจะต้องหยุดการชำระหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นระเบิดเวลาที่ต้องดูกันต่อไป แหล่งข่าวและรูป:cnnmoney.com